Beauty is my Passion

Phaptawan

Wednesday, October 24, 2012

How to : Jessie J in Nobody's Perfect MV Makeup


สวัสดีค่าทุกคน
วันนี้เรามี How to มานำเสนออีกแล้ว
แต่คราวนี้มาในรูปแบบของ Video ใน youtube ค่ะ
เป็นการแต่งหน้าตาม Jessie J ใน MV Nobody's Perfect ค่ะ
เพิ่งเคยทำครั้งแรก เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ :)


ไปดูเต็มๆจอได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=yt2H58PGluE นะคะ





ด้านล่างนี่เป็น finished look 
โพสต์ให้ออกแหวกๆล้ำๆ ตาม Jessie J นิดนึง
ภาพทั้งหมดถ่ายโดย ดุ๊ก นะคะ
ต้องขอขอบคุณเพื่อนดุ๊กมา ณ ที่นี้ ที่คอยมาถ่ายรูปให้ตลอด











ขอบคุณที่รับชมค่ะ ;)

ปล.กล้องไม่ HD ต้องขออภัยในความไม่ค่อยคมชัดด้วยนะคะ





Share:

Thursday, October 11, 2012

How to : น้ำตาลหวานใส


สวัสดีค่ะทุกคน
ช่วงนี้ต้องขอออกตัวก่อนว่าฟิตนะคะ55 
เมื่อวานเขียนรีวิวไป วันนี้ก็มาแต่งหน้าให้ดูกันต่ออีกค่ะ

มีเพื่อนๆน้องๆเคยมาบอกว่าให้ทำ how to บ้าง
ที่จริงเค้าก็บอกเมื่อนานมาแล้ว แต่เพิ่งมาสบโอกาสได้ทำเมื่อเช้านี้เองค่ะ แฮะๆ
วันนี้ไปเรียนภาษาอังกฤษมา เรียนตอนบ่าย ช่วงเช้าเลยมีเวลา
แต่งหน้าไปถ่ายรูปไปด้วย ไม่ค่อยถนัดเท่าไร แต่ก็พยายามค่ะ :D
ละเอียดและยาวเช่นเคย อย่าเพิ่งด่วนถอดใจกันนะคะ55


how to วันนี้เป็นตาโทนสีน้ำตาล ดูเบาๆ เหมาะสำหรับทุกๆวัน
ตอนที่ยังเรียนอยู่ก็แต่งหน้าแบบนี้ไปเรียนเป็นประจำค่ะ
เพราะสีสันไม่ฉูดฉาด แล้วก็ดูเรียบร้อยดี


อ่อ ขอบอกไว้ก่อนว่า entry นี้ จริงใจอีกละ
เอาหน้าเปลือยมาโชว์ บอกไว้ก่อน จะได้ไม่ตกใจนะคะ555



มาเริ่มกันเลยนะคะ...



เริ่มด้วยกันแดดค่ะ วันนี้ใช้ Minus-Sun SPF40 สี Ivory
กันแดดตัวนี้มีสีเนื้อค่ะ ช่วยปรับสีผิวไปด้วย
ทาทั่วหน้าค่ะ แล้วก็เลยไปคอด้วยนิดนึง
แต่ถ้าเสื้อที่ใส่มันติดคอล่ะก็ ไม่แนะนำนะคะ เลอะเทอะเปล่าๆ แค่หน้าก็พอค่ะ



รอให้กันแดดแห้งซักหน่อย ก็ลง concealer ค่ะ
ใช้สองแบบ แบบ liquid ของ MAC สี NC30 ใช้ทาปกปิดรอยคล้ำใต้ตา
ส่วน แบบ stick ของ KATE สี #2 ใช้ปิดพวกรอยดำรอยสิวทั้งหลายค่ะ
รูปซ้ายมือป้ายไว้ให้ดู รูปขวาล่างเป็นรูปที่เกลี่ยแล้วค่ะ
โดยส่วนตัวชอบใช้นิ้วนางแตะเบาๆจน concealer กลืนไปกับผิว
ถ้าตรงไหนปิดไม่มิดก็ทาเพิ่มแล้วก็แตะซ้ำจนมิดค่ะ



ทิ้งให้กันแดดและ concealer เซ็ตตัวไม่เหนอะหนะซัก1-2นาที แล้วค่อยทาแป้งฝุ่นค่ะ
แป้งฝุ่นใช้ translucent ของ laura mercierใช้แปรงที่มีขนาดใหญ่หน่อยทา จะได้บางๆ
ทาแค่รอบเดียวพอค่ะ เอาให้หายรู้สึกเหนอะ เพราะต่อไปเราจะทาแป้งผสมรองพื้นค่ะ


ทาแป้งฝุ่นเสร็จก็ shading ค่ะ เหลาหน้าหลอกตาประชาชนกัน55 
ใช้ MAC Mineralize skinfinish natural สี Dark ค่ะ ทาด้วยแปรงที่ขนไม่แน่นมาก
เพราะไม่อยากให้สีชัดจนเกินไปค่ะ ทาตามที่ทำสัญลักษณ์ไว้เลยค่ะ
หน้าผากด้านข้างทั้งสองด้าน
มีโหนกแก้มก็ทาลงไปบนโหนกแก้มค่ะ อย่าลืมกรามทั้งสองข้าง
คางยาวก็ทาคางด้วยค่ะ  สรุป คือ ทารอบหน้าเลย555 
แต่จริงๆแล้วหลักก็คือ อยากให้อะไรเล็กทา shading ลงไปตรงนั้นค่ะ เท่านั้นเอง
แล้วอย่าลืมเกลี่ยให้เนียนนะคะ อย่าปล่อยให้หน้าเป็นกรอบ เป็นปื้น ไม่สวยค่ะ ไม่สวย



จากนั้นก็แป้งผสมรองพื้นค่ะ ใช้ Maybelline Clear smooth all in one สี 02 Nude biege
ทาโดยใช้แปรงปลายกลมๆขนแน่นๆนิดนึงค่ะ เพราะต้องการการปกปิด
โดยทาทั่วหน้า 1 รอบ แล้วทาตรง T-zone 2-3รอบค่ะ (เทคนิคส่วนตัว หุหุ)
เพราะว่าหน้าจะมันแค่ตรงนั้น แล้วเวลาซับแป้งมันจะติดออกมากับทิชชู่ใช่มั้ยคะ
ถ้าทาตรงที่มันง่ายซัก 2-3 รอบ พอเราซับไปแป้งมันก็จะยังอยู่ค่ะ
ทำให้ไม่ต้องเติมแป้งเลยทั้งวัน อยู่ทน อยู่นาน!!!! 555



มาต่อที่ตากัน...

รูปซ้ายล่างเป็น eye shadow primer ของ Oriental Princess สี 05 pink candy
ทาให้ทั่วเปลือกตาทั้งสองข้างเลยนะคะ
ส่วนรูปขวาล่างคือ Urban Decay Book of shadow Vol.4



ถ้าแต่งหน้าให้ตัวเองชอบใช่นิ้วทา eye shadow ค่ะ แฮะๆ
เอานิ้วทาสีขาว Zephyr ตรงบริเวณโหนกคิ้วค่ะ
แล้วก็ทาสี Skimp ตรงรอยพับเปลือกตา ตามรูปเลยนะคะ


จากนั้นก็มาคัดเบ้ากัน เบ้าตานั้นหาไม่ยาก ใครหาไม่เจอ 
ลองเอานื้วไล่ไม่ตาเปลือกตาดูเจอกระดูกตรงไหนก็คัดตรงนั้นค่ะ 
ใช้แปรงขนาดไม่เล็กนิดนึง แตะสี Bust  แล้วก็ทาลงไปตรงที่เป็นกระดูกนั้นค่ะ
ของเราลืมตาขึ้นมาเปลือกตาก็หนีบแปรงพอดี ทำให้แต่งได้ง่ายหน่อย
สาวตาชั้นเดียว เน้นทาสีเข้มให้ชิดขอบตาก็สวยเหมือนกันค่ะ
สำคัญคือต้องเกลี่ยสีให้กลมกลืน เหมือนภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ...



รูปที่ 1 ตาซ้ายคัดเบ้าแล้ว ตาขวายังไม่ได้คัดนะคะ
รูปที่ 2 แต่งเหมือนกันแล้วทั้งสองข้าง
รูปที่ 3 ลืมตาให้ดูค่ะ



ต่อมา เขียนขอบตา เราไม่ใช้สีดำ ใช้สีน้ำตาลเข้มแทน
เอาแปรงหัวตัด แตะสี Lost แล้วก็ทาไปตามแนวขนตาด้านบนเลยค่ะ
ในรูปล่าง ข้างซ้ายทา ข้างขวายังไม่ได้ทานะคะ



เอาแปรงอันเดิม แตะสี Lost สีเดิมค่ะ
แล้วไล้ไปตามขอบตาล่าง จนถึงบริเวณ ตาดำ ตามรูปเลยนะคะ



ใช้แปรงหัวดินสอ แตะสี Sin
แล้วก็ไล้ตรงแนวขนตาล่างบริเวณหัวตา จนถึงกึ่งกลางตาค่ะ



จากนั้น ดัดขนตา ปัดมาสคาร่าให้เด้ง



ต่อไปเขียบคิ้วค่ะ ใช้ powder เขียนคิ้วของ Canmake สีเข้ม
ทาสีน้ำตาอ่อนตรงบริเวณหัวคิ้ว แล้วก็ทาสีน้ำตาลเข้มบริเวณหางคิ้วค่ะ
ไม่ต้องเขียนให้เนี้ยบกริบมาก จะได้ลุคที่ดูสบายๆ



ปัดแก้ม ใช้ the Balm สี Frat boy ค่ะ
ใช้แปรงมนๆขนาดค่อยข้างเล็ก ปัดตรงส่วนที่เป็นกระดูกโหนกแก้ม 
ปัดเข้ามาอย่าให้เกินตาดำ แล้วก็ปัดออกไปทางแนวใบหูด้านบนค่ะ
ปัดเฉียงๆหน่อยตามรูปเลยนะคะ



สุดท้ายแล้ว ก็ทาปาก
ใช้ Dear darling tint ของ Etude สีแดง ทาให้ทั่วปาก
แล้วทา Revlon Just bitten kissable balm stain สี Charm ทับให้ทั่วริมฝีปากค่ะ



และแล้วก็.... เสร็จ!!!!!











-----------------------------------------------------------


ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจกันนะคะ
มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะทุกคน<3<3













Share:

Wednesday, October 10, 2012

Review : Davines Hair Products


สวัสดีค่าทุกคน :3
เป็นยังไงกันบ้าง สุขกายสบายดีกันมั้ยคะ
ไม่ได้อัพบล็อกเป็นเวลานานพอควร
วันนี้มี product มา review ให้ดูกันค่ะ
ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า entry นี้ยาวนิดนึงนะคะ
เขียนรีวิวสั้นๆไม่เป็นจริงๆ อยากบรรยายให้ได้เห็นได้รู้กันให้ชัดๆไปเลย
น้องๆมหากาพย์5555 ถ้าอ่านไม่ไหว แบ่งอ่านวันละชิ้นก็ได้
ที่มันยาวเพราะตั้งใจเขียนจริงๆค่ะ ;)
ชิ้นเด็ดอยู่ท้ายๆนะคะ เด็ดๆเราเอาไว้หลังๆ อิอิ



เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา
ได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Davines ที่โรงแรม Renaissance มาค่ะ
เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมจากประเทศอิตาลี
ซึ่งเท่าที่เข้าใจนั้น ยี่ห้อนี้จะมีวางจำหน่ายเฉพาะในซาลอนเท่านั้นค่ะ
แบรนด์ Davines นี้ มี concept ออกแนว eco-friendly โดยในงาน
จะได้ยินคำว่า Sustainable Beauty บ่อยมาก เป็นคำเก๋ๆที่ฟังดูสวยแบบรักษ์โลกๆ
ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ
เป็นการผสมผสานของ Nature กับ Technology ออกมาเป็น Naturaltech
(ข้อมูลเพิ่มเติมคลิกที่นี่)



ได้ผลิตภัณฑ์มาทดลองใช้ ดังนี้ค่ะ


(จากซ้ายไปขวา - NOURISHING Vegetarian Miracle Conditioner, NOURISHING Shampoo, ENERGIZING Shampoo และ OI/OIL)


-------------------------------------------------------------


จากที่ได้ทดลองใช้มาพักหนึ่ง นานพอที่จะได้ถ่ายรูปแล้วก็เก็บรายละเอียดมาแชร์กัน
ก็ต้องขอบอกในที่นี้ก่อนเลยว่า ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆ
ผลลัพธ์ก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลนั้นๆไป ฉะนั้น พิจารณาอย่างมีวิจารณญาณนะคะ


เริ่มที่สภาพเส้นผมของเรากันก่อน...



(ผมเป็นผมดัดดิจิตอลค่ะ เพิ่งดัดมาไม่นาน ประมาณเดือนนึงได้ 
เคยทำสีมาก่อนแล้วย้อมสีเข้มทับแล้วก็เลิกทำสีมานับแต่นั้น แต่สีก็หลุดไปพอสมควร
ผมก็แดงบ้างแห้งบ้างตามกรรมเก่า แต่ผมไม่เสียนะคะ)


-----------------------------------------------



มาเริ่มจากตัวแรกที่ได้ลองใช้ ซึ่งก็คือ...

ENERGIZING Shampoo


(ขวด ไซส์ 100 ml)


(เทใส่มือ ถ่ายตอนสระจริงในห้องน้ำทุกรูปเลยค่ะ 
พยายามมากไม่ให้กล้องเปียก55)



รายละเอียดผลิตภัณฑ์(จากเอกสารที่ให้มา) :
แชมพูสูตรอ่อนโยนสำหรับหนังศีรษะที่อ่อนแอและเส้นผมที่มีแนวโน้มหลุดร่วงง่าย
ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนบริเวณหนังศีรษะ

 ความคิดเห็น :
สิ่งแรกที่ประทับใจเลยคือกลิ่นที่หอมซ่าๆ แบบสมุนไพร 
เป็นกลิ่นที่ได้ดมแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ เท่าที่จับกลิ่นได้คือมีขิงแน่นอน
ซึ่งพอมาดูในเอกสารที่แจกมาด้วยแล้ว มีกลิ่นของขิงจริงๆด้วย แต่ไม่ใช่ขิงอย่างเดียว
ยังมีกลิ่น essential oil จาก cinnamon แล้วก็ black pepper ด้วย
หอมมาก ชอบกลิ่นหอมแบบนี้มากเลย 

เนื้อแชมพูก็ไม่เหลวมากจนเกินไป สีแดงใสๆ เหมือนที่เห็นในรูป
โดยส่วนตัวคิดว่ามันเกิดฟองยากกว่าแชมพูทั่วไปตามซูปเปอร์มาร์เกต
ซึ่งแปลว่า ต้องใช่ในปริมาณที่มากกว่าแชมพูทั่วไปสักหน่อย
(จริงๆแล้วอาจเป็นเพราะหัวสกปรกด้วย555)

เมื่อได้สระ... มันเย็นนี่นา!!! แล้วไม่ได้เย็นเว่อร์จนเกินไปเหมือนบางยี่ห้อ
คือเย็นสบายหนังศีรษะมาก โห ต้องขอบอกว่าชอบความรู้สึกนี้จริงๆ 
เลยแอบพอกแล้วก็ทิ้งไว้เล็กน้อยก่อนล้างออก หุหุ

สรุป : 
เป็นแชมพูที่ให้ความรู้สึกที่ดีมากเมื่อใช้ สะอาด สดชื่นนนนนนน
คิดว่า กลิ่นมีผลมากในการทำให้รู้สึกว่ามัน energizing 
สำหรับการหลุดร่วง ไม่เห็นความแตกต่าง เพราะผมมันร่วงมากอยู่แล้ว
เพราะเราไม่ได้สระผมทุกวัน (ลูกผมเต็มหัวเลย ฮืออออออ)


------------------------------------------------



พอสระผมเสร็จก็ตามด้วยครีมนวดผม...

NOURISHING Vegetarian Miracle Conditioner


(หลอด 60 ml)


(บีบใส่มือ)



รายละเอียดผลิตภัณฑ์ :
conditioner ให้ความชุ่มชื้นสำหรับเส้นผมที่แห้งเปราะหักง่าย
ส่วนผสมอันอุดมไปด้วย rice, acai และ passiflora oils 
ที่ช่วยปรับสภาพและปกป้องโครงสร้างของเส้นผม

ความคิดเห็น :
กลิ่นมาเป็นจุดเด่นจริงๆสำหรับผลิตภัณพ์ของ Davines
ครีมนวดผมตัวนี้หอมละมุนโดยที่กลิ่นไม่อ่อนเกินไปและไม่หอมหวานจนเลี่ยน
ตอนแรกที่ดมรู้สึกว่าต้องเป็นอะไรดอกไม้ๆหน่อยๆ
ซึ่งเมื่อมาดูรายละเอียดพบว่า มีกลิ่นมาจาก essential oil 
ของ mandarin, petit grain และ ylang ylang นั่นเอง

เนื้อครีมเข้มข้นแต่ไม่จับตัวเหนียวแน่น ขยี้ลงบนผมได้ง่าย
ฉลากบอกให้ทิ้งไว้ 10 นาทแล้วล้างออก แต่ถ้าอาบน้ำกันจริงๆ 3 นาทีนี่ก็ทิ้งไว้มากแล้วนะ
ไม่เคยทิ้งไว้ถึงสิบนาทีเลย รู้สึกว่ามันนานเกินไปสำหรับครีมนวดผมยังไงก็ไม่รู้

พอล้างออกก็ล้างออกได้ง่าย ไม่ต้องล้างนาน
ผมก็นุ่มกว่าตอนล้างด้วยแชมพูจริงๆซึ่งก็เป็นปกติสำหรับครีมนวด

สรุป : 
โดยรวมแล้วเป็นครีมนวดที่โอเค ปรับสภาพผมได้ดี และกลิ่นหอมมากกก


--------------------------------------------



มาต่อกันที่แชมพูอีกตัว คือ...

NOURISHING Shampoo

(ขวด 60 ml)


(เทใส่มือ สระคนละวันกับแชมพูอีกตัวนะคะ55)



รายละเอียดผลิตภัณฑ์ :
แชมพูบำรุงหนังศีรษะที่ขาดความชุ่มชื้นและเส้นผมที่แห้งเปราะหักง่าย
ผลิตภัณฑ์เนื้อครีม ฟองหนานุ่ม พร้อมส่วนผสมที่ช่วยลดแรงตึงผิว
เพื่อช่วยให้เส้นผมสะอาดหมดจดได้อย่างอ่อนโยน


ความคิดเห็น :
ขอข้ามเรื่องกลิ่นไป เนื่องจากมีกลิ่นเดียวกับครีมนวดผมข้างบนนะคะ

เนื้อแชมพูมีสีน้ำตาลใส เหลวไม่มากจนเกินไป
แชมพูตัวนี้ไม่เย็น สระสะอาด กลิ่นหอม แต่รู้สึกว่าเกิดฟองยากเหมือนกัน
พอๆกับแชมพูตัวแรกเลยค่ะ

แต่ต้องขอบอกว่าขวดนั้นทำให้มือลั่นเวลาเทแชมพูได้ง่ายมาก
เพราะเป็นฝาเกลียวเหมือนขวดน้ำดื่ม เปิดยาก ปิดยาก ปากขวดใหญ่
เวลาเทแล้วมันชอบออกมาเยอะเกิน ไหลออกจากมือบ้าง
แล้วพอจะปิดก็ปิดยากเพราะต้องปิดขวดน้ำดื่ม ใช้ไม่สะดวกเท่าไร

สรุป :
เป็นแชมพูที่ดีค่ะและด้วยความที่ไม่เย็นแถมกลิ่นละมุนก็เลยรู้สึกว่ามันอ่อนโยนกว่าตัวข้างบน


---------------------------------------------



และชิ้นสุดท้ายยยยยยย.... oil ใส่ผม

OI/OIL


(ขวด 50 ml)

(กดใส่มือ 3 ปั๊ม)



รายละเอียดผลิตภัณฑ์ :
ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของ Roucou Oil ทำให้ผมนุ่มสลวยมีประกายเงางาม
โดยไม่ทำให้ลีบแบนหรือไร้น้ำหนัก ไม่ทำให้เส้นผมพันกันหรือหยิกฟู
คุณสมบัติของ OI/OIL คือการเคลือบเส้นผมไว้ด้วยฟิล์มบางๆ พร้อม anti-oxidant
ปกป้องโครงสร้าง และทำให้ผมแห้งได้เร็วขึ้น


ความคิดเห็น :
กลิ่น ดมแล้วรู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นธรรมชาติ แต่ไม่หอมเท่าผลิตภัณฑ์ตัวบนๆที่ผ่านมา

เนื้อออยล์ใส ลักษณะคล้ายเจลที่มีความมันๆแล้วก็ลื่นๆ
พอแห้งแล้วให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรที่ผมเลย
เพราะไม่เหนอะหนะ ไม่เหนียวด้วย แต่จริงๆแล้วมันเคลือบผมไว้
ที่บอกได้เพราะผมนุ่มลื่น แล้วก็เงางามจริงๆ


สรุป :
ตัวนี้ขอบอกว่าปลื้มมากกกก ใช้ไม่ขาดเลย
เพราะผมดัดดิจิตอลมันไม่ต้องใส่อะไรเพื่อจัดทรงอยู่แล้ว
การดูแลก็แค่ใส่ผลิตภัณฑ์บำรุงแล้วก็ขยำๆม้วนๆแล้วก็ทิ้งให้แห้งเอง
แต่อันนี้มันบำรุงด้วยแล้วก็ทำให้ผมสวยไปด้วย เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวยังไงไม่รู้
ที่ชอบมากเพราะ ไม่มัน ไม่เหนียว แล้วก็ทิ้งให้ผมมี finishing สวยๆ แถมเป็นบำรุงไปด้วย
เริ่ดอ่ะ highly recommend เลย ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองดูกันนะคะ



ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่รีวิว คลิกที่นี่


--------------------------------------------------



ปิดท้ายด้วยรูปผมที่สระ นวด แล้วก็ใส่ออยล์เรียบร้อยแล้วนะคะ




(แสงธรรมชาติ)

(แสงจากหลอดไฟนีออน)


-------------------------------------------------------



ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
ฝนตกพายุเข้า ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน <3<3









Share:
Blog Design Created by pipdig