สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
เมื่อวันจันทร์ที่ 30 พค. ที่ผ่านมา แพรวมีนัดที่ พรเกษมคลินิก สาขา Mega Bangna ค่ะ
เพราะว่าแพรวมีนัดพบคุณหมอขวัญชนกเพื่อปรึกษาเรื่องการปรับรูปหน้าให้สวยขึ้นไปอีกค่ะ(ฮ่าา)
การปรับรูปหน้าด้วยการฉีดที่เราจะรู้จักกันก็จะมี Filler กับ Botox นะคะ คร่าวๆคือ
Filler คือการฉีดารเติมเต็มเข้าในใต้ผิวหนังโดยจะเป็นชั้นที่ลึกมากๆค่ะเพื่อให้ส่วนนั้นๆนูนขึ้นมา
ส่วน Botox จะเป็นการฉีดสารไปที่กล้ามเนื้อเพื่อให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลงแล้วขนาดก็จะลดไปไปค่ะ
โดยส่วนตัวแพรวไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อนเลยค่ะ
ก็ตื่นเต้นแล้วก็แอบมีความกังวลในเล็กๆสไตล์คนไม่เคยทำ
(ขอบอกไว้ก่อนว่าการเสริมสวยคราวนี้สนับสนุนโดยพรเกษมคลินิกนะคะ แพรวไม่ได้เสียเงินเองค่ะ)
โอเคค่ะ เรามาเริ่มกันได้
ก่อนจะเริ่ม...
แพรวได้ลองคุยกับคุณหมอแล้ว หน้าแพรวเป็นรูปหัวใจคือช่วงหน้าผากกว้าง คางแหลม
คุณหมอก็ไม่แนะนำให้ฉีด Botox ค่ะ เพราะว่าจะทำให้โครงหน้าจะไม่ smooth
แบบว่าหน้าผาก โหนกแก้ม แล้วมาคางเลย ส่วนแก้มก็จะไม่สวยค่ะ
คุณหมอแนะนำให้แพรว ฉีด Filler ตัวที่ชื่อว่า Voluma บริเวณส่วนหน้าแก้มที่เค้าเรียกว่า Mid face
เพื่อทำให้หน้าดูอิ่มแล้วก็ดู feminine มากขึ้นค่ะ เพราะหน้าแพรวค่อนข้างตอบ ใต้ตาค่อนข้างลึก
แล้วก็แนะนำให้เพิ่มตรงคางนิดหน่อยให้มันแหลมขึ้นอีกนิดนึงค่ะ
ก่อนฉีดก็จะมีการถ่ายรูปเพื่อบันทึกความแตกต่างก่อนทำและหลังทำค่ะ
ต่อไปก็...
เป็นส่วนของการเตรียมตัวก่อนฉีดแล้วค่ะ
ก็ต้องลบเครื่องสำอางพวกรองพื้นออกก่อน
การจะฉีด Filler นั้น ก่อนฉีดแพรวเข้าใจว่ามันคงไม่เจ็บมากหรอกน่า แค่ฉีดเอง
แต่ทางคลินิกบอกว่าจะต้องมีการทายาชาทิ้งไว้ 30 นาที
จากนั้นก็ ฉีดยาชาก่อน แถมตัวฟิลเลอร์เองก็มียาชาผสมอยู่แล้วอีก
จริงๆพี่ก็น่าจะเอะใจแล้วตั้งแต่ต่อนที่ได้ยินว่ายาชาเยอะขนาดไหน
แต่ก็คิดว่า เอาวะ ผ่าฟันคุดก็ทนมาได้แล้วทั้งสี่ซี่ นี่คงไม่เจ็บเท่าหรอก5555
ก็ทนได้จริงๆค่ะ ไม่ได้เจ็บแบบทนไม่ไหว
ขั้นตอนการฉีด
แพรวฉีดสองหลอดค่ะ แก้มข้างละหลอด
คุณหมอจะ marking จุดที่จะฉีดบนหน้าก่อนแล้วค่อยฉีด
เริ่มจากฉีดที่บริเวณ Mid face ด้านขวาก่อน จากนั้นคุณหมอก็จะให้ดูก่อนว่าพอใจมั้ย
มาถึงตรงนี้แพรวเปลี่ยนใจไม่อยากฉีดคางแล้ว เพราะว่าไม่อยากให้มันแหลมไปกว่านี้
คุณหมอก็เลยจัดการฉีดหน้าแก้มทั้งสองข้างให้เท่ากันค่ะ
จะมีการเปลี่ยนจุดที่ฉีดหลายที่ในส่วนของหน้าแก้มค่ะ
เวลาฉีดฟิลเลอร์นี้คุณหมอจะแทงเข็มลงไปลึกเลยค่ะ มีโมเม้นรู้สึกว่ามันชนกับกระดูกหน้าเรา
ถ้าจะถามว่าเจ็บมั้ย มันชาแล้วก็จริงนะคะแต่มันเป็นความรู้สึกบอกไม่ถูก เจ็บแบบแปลกๆ
คุณหมอต้องมีการกดด้วย แล้วก็ฉีดไปด้วยค่ะ
ความรู้สึกเหมือนมีอะไรหน่วงๆอยู่ในหน้าค่ะ ซึ่งมันก็มีอะไรอยู่ในหน้าจริงๆน่ะแหละ5555
ผลลัพธ์
Filler ฉีดเสร็จปุ๊บ เห็นผลปั๊บค่ะ หน้าแก้มแพรวดูอิ่มขึ้นมาเลยดูแบบ มีน้ำมีนวลมากกขึ้น(ไม่ใช่อ้วนนะ)
หน้าดูเต็มขึ้น ดูสดใสขึ้นค่ะ ชอบนะเพราะมันไม่ได้เปลี่ยนหน้าเรามาก
แบบว่า "ดูสวยสดใสขึ้นนะแต่ฉันบอกไม่ได้แน่ชัดว่าเธอไปทำอะไรมา" 55555
ใต้ผิวพอเอามือจับไปมันจะรู้สึกว่าผิวมันนูนขึ้นมาจากเดิมค่ะ
เหมือนข้างในมีก้อนๆแต่ไม่ได้แข็งมาก(ซึ่งก็คือฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเพื่อเพิ่มความนูนนั่นเองค่ะ)
ดูเลยค่ะ หน้าแก้มอิ่มขึ้นมาเลย
ถ่ายกับคุณหมอขวัญชนกที่ฉีดฟิลเลอร์ให้แพรวค่ะค่ะ คุณหมอเก่งมากๆ
แพรวบอกได้เลยว่าการฉีด filler ต้องใช้ความชำนาญสูงมากจากการเป็นหน้าให้คุณหมอฉีด
ต้องขอขอบคุณคุณหมอกับพรเกษมคลินิกมา ณ ที่นี้อีกทีด้วยนะคะ
การดูแลหลังการฉีด filler
แน่นอนว่าพอฉีดแล้วมันก็ไม่เหมือนเดิม ก็จะต้องมีการดูแลรักษาเพิ่มขึ้นมานะคะ
ช่วงนี้แพรวก็ห้ามนวดหน้าเด็ดขาดเลยค่ะ จนกว่า filler จะเข้าที่ ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
คุณหมอบอกว่า filler สามารถอยู่ได้ถึง 2 ปีขึ้นอยู่กับการดูแล
ช่วงนี้ก็ต้องมีการงดการโดนความร้อน เช่น ซาวน่า สตีม เอาหน้าไปโดนอะไรร้อนๆ
ห้ามดื่มแอลกอฮอล์
เวลาทาครีม ล้างหน้าเช็ดหน้าก็ให้ลูบขึ้นค่ะ อย่าลูบลง
ช่วงนี้แพรวก็เบามือกับหน้ามากกกกกกกกกกก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กลัวฟิลเลอร์เคลื่อนค่ะ555
ก็ออกกำลังกายอะไรได้ปกติใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลยค่ะ
ข้อดี
เห็นผลลัพธ์เลยทันที ฉีดปุ๊บสวยเลย
ไม่ต้องมีการรอรักษาแผลหรืออะไร ฉีดแล้วแต่งหน้าต่อได้เลยค่ะ
ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลยค่ะ
ไม่มีแผล ไม่เจ็บ(มากนัก) ไม่ต้องมารักษาแผลหลังทำ
ข้อเสีย
สำหรับคนกลัวเข็มอาจจะดูโหดร้าย แต่ถ้าอยากทำก็หลับตาเอานะคะ อย่าไปดูค่ะ555
ระยะกว่าฟิลเลอร์จะหมดไปขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน บางคนอาจจะต้องมาเติมบ่อยกว่าคนอื่น
ต้องระวังในการจับหน้าไปถูหน้าแรงๆ จริงๆก็เป็นข้อดีนะคะหน้าจะได้ไม่ช้ำหรือเหี่ยวเร็ว
ความคิดเห็น
การจะเอาอะไรเข้าไปในร่างกายนี้มันมีความเสี่ยงนะคะ คือ มันมีโอกาสที่ทำแล้วจะสวย
แต่! ก็มีโอกาสที่จะทำแล้วไม่สวยเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น การแน่ใจว่าของที่ฉีดเข้าร่างกายของเรามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
เป็นของแท้หรืออะไรต่างๆก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องดูให้ดี
ส่วนเรื่องของฝีมือของผู้ที่จะมาฉีดให้เรา ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากๆนะคะ
เพราะว่า มันไม่ใช่ใครก็ทำได้ มันเหมือนงานศิลป์น่ะแหละ
ที่จะต้องอาศัยตาและมือแล้วผู้ที่มีทักษะและประสบกาณณ์ที่มากพอ
ถึงจะออกมาสวยค่ะ ไม่ใช่ทำสุ่มๆเอาแล้วออกมาสวย อันนี้แพรวมั่นใจเลยว่าเป็นไปไม่ได้
เพราะงั้น ถ้าเพื่อนๆสนใจอยากฉีด filler ปรับรูปหน้าเหมือนแพรว ขอให้ดูให้ดีก่อนนะคะ
เพราะมันเป็นของเหลว พอฉีดเข้าไปในหน้าแล้ว มันฉีดแล้วฉีดเลย จะมา undo ดูดออก ไม่ได้แล้วนะคะ
ยังไงก็ตรวจดูรายละเอียดพวกนี้ก่อนทำด้วยความรอบคอบนะคะ
อัพเดตหลังฉีด Filler ได้สองสัปดาห์
หลังจากที่ดูแลรักษาผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาอย่างดีเป็นเวลาราวสองสัปดาห์
โดยระมัดระวังเวลาจะเช็ดหน้า ทาครีม แพรวจะถูอย่างเบาและถูขึ้นนะคะ เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนนะคะ
แพรวพบกว่าบริเวณที่เรารู้สึกว่าเป็นก้อนๆว่ามีอะไรอยู่ใต้ผิวนั้นค่อยๆหายไปทีละนิดๆ
จนตอนนี้แทบไม่รู้สึกแล้วค่ะ แต่ว่าน่าสนใจตรงที่ความนูนยังคงอยู่
ตอนนี้ก็ไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรมาค้ำหรือเป็นก้อนแล้วค่ะ
แต่แพรวก็ยังคงเช็ดหน้าถูหน้าอย่างเบามืออยู่ดีเพื่อความมั่นใจ555
ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ
เอารูปมาให้ดูด้วย มีหน้าแก้มแล้วหน้ามันดูอิ่ม ดูสดใสขึ้นจริงๆนะคะ ชอบบบบ<3
อัพเดตหลังฉีด Filler ได้สามเดือนครึ่ง
เวลาผ่านไปเร็วจริงๆค่ะ มาอัพเดตกันอย่างต่อเนื่องนะคะ
ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่าชินแล้วค่ะกับระดับความนูนของแก้ม
ไม่มีความเป็นก้อนเหลือแล้ว หน้าอิ่ม ยิ้มแล้วสดใส
มันไม่รู้สึกแบบลืมไปเลยค่ะว่าไปฉีด Filler มา นึกว่าสวยแบบนี้อยู่แล้ว55555
ลองดูที่หน้าแก้มดีๆค่ะ จะเห็นความอิ่มเอิบ เลิฟฟฟฟฟ
ก่อน-หลัง
ดูความแตกต่างตรงหน้าแก้มค่ะ หน้าอิ่มขึ้นมาจาก before นะคะ ดูฝดใฝขึ้นมั้ยคะตัวเธอ :D
--------------------------------------------------
ส่วนรูปจอที่แพรวลง มันคือแบบนี้ค่ะ
ทางคลินิกได้ถ่ายทำการฉีดฟิลเลอร์ของแพรวด้วย
ก็จะมีคลิปแนะนำตัวแล้วก็คุยกับคุณหมอด้วยค่ะ
ยังไงรอดูกันนะคะ แพรวตื่นเต้นมากกกก
ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ 5555
ใครมีคำถามอะไรถามได้นะคะ
พูดคุยกันได้ค่ะ
ไปละค่ะ
บ๊ายบาย