Beauty is my Passion

Phaptawan

Tuesday, May 31, 2016

Review: ประสบกาณ์ครั้งแรก ปรับรูปหน้าด้วย Voluma Filler ที่พรเกษมคลินิก




สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
เมื่อวันจันทร์ที่ 30 พค. ที่ผ่านมา แพรวมีนัดที่ พรเกษมคลินิก สาขา Mega Bangna ค่ะ
เพราะว่าแพรวมีนัดพบคุณหมอขวัญชนกเพื่อปรึกษาเรื่องการปรับรูปหน้าให้สวยขึ้นไปอีกค่ะ(ฮ่าา)


การปรับรูปหน้าด้วยการฉีดที่เราจะรู้จักกันก็จะมี Filler กับ Botox นะคะ คร่าวๆคือ
Filler คือการฉีดารเติมเต็มเข้าในใต้ผิวหนังโดยจะเป็นชั้นที่ลึกมากๆค่ะเพื่อให้ส่วนนั้นๆนูนขึ้นมา
ส่วน Botox จะเป็นการฉีดสารไปที่กล้ามเนื้อเพื่อให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลงแล้วขนาดก็จะลดไปไปค่ะ 

โดยส่วนตัวแพรวไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อนเลยค่ะ
ก็ตื่นเต้นแล้วก็แอบมีความกังวลในเล็กๆสไตล์คนไม่เคยทำ

(ขอบอกไว้ก่อนว่าการเสริมสวยคราวนี้สนับสนุนโดยพรเกษมคลินิกนะคะ แพรวไม่ได้เสียเงินเองค่ะ)


โอเคค่ะ เรามาเริ่มกันได้

ก่อนจะเริ่ม...

แพรวได้ลองคุยกับคุณหมอแล้ว หน้าแพรวเป็นรูปหัวใจคือช่วงหน้าผากกว้าง คางแหลม
คุณหมอก็ไม่แนะนำให้ฉีด Botox ค่ะ เพราะว่าจะทำให้โครงหน้าจะไม่ smooth
แบบว่าหน้าผาก โหนกแก้ม แล้วมาคางเลย ส่วนแก้มก็จะไม่สวยค่ะ


คุณหมอแนะนำให้แพรว ฉีด Filler ตัวที่ชื่อว่า Voluma บริเวณส่วนหน้าแก้มที่เค้าเรียกว่า Mid face
เพื่อทำให้หน้าดูอิ่มแล้วก็ดู feminine มากขึ้นค่ะ เพราะหน้าแพรวค่อนข้างตอบ ใต้ตาค่อนข้างลึก
แล้วก็แนะนำให้เพิ่มตรงคางนิดหน่อยให้มันแหลมขึ้นอีกนิดนึงค่ะ

ก่อนฉีดก็จะมีการถ่ายรูปเพื่อบันทึกความแตกต่างก่อนทำและหลังทำค่ะ



ต่อไปก็...

เป็นส่วนของการเตรียมตัวก่อนฉีดแล้วค่ะ
ก็ต้องลบเครื่องสำอางพวกรองพื้นออกก่อน
การจะฉีด Filler นั้น ก่อนฉีดแพรวเข้าใจว่ามันคงไม่เจ็บมากหรอกน่า แค่ฉีดเอง
แต่ทางคลินิกบอกว่าจะต้องมีการทายาชาทิ้งไว้ 30 นาที 
จากนั้นก็ ฉีดยาชาก่อน แถมตัวฟิลเลอร์เองก็มียาชาผสมอยู่แล้วอีก 
จริงๆพี่ก็น่าจะเอะใจแล้วตั้งแต่ต่อนที่ได้ยินว่ายาชาเยอะขนาดไหน
แต่ก็คิดว่า เอาวะ ผ่าฟันคุดก็ทนมาได้แล้วทั้งสี่ซี่ นี่คงไม่เจ็บเท่าหรอก5555
ก็ทนได้จริงๆค่ะ ไม่ได้เจ็บแบบทนไม่ไหว




ขั้นตอนการฉีด

แพรวฉีดสองหลอดค่ะ แก้มข้างละหลอด
คุณหมอจะ marking จุดที่จะฉีดบนหน้าก่อนแล้วค่อยฉีด
เริ่มจากฉีดที่บริเวณ Mid face ด้านขวาก่อน จากนั้นคุณหมอก็จะให้ดูก่อนว่าพอใจมั้ย
มาถึงตรงนี้แพรวเปลี่ยนใจไม่อยากฉีดคางแล้ว เพราะว่าไม่อยากให้มันแหลมไปกว่านี้
คุณหมอก็เลยจัดการฉีดหน้าแก้มทั้งสองข้างให้เท่ากันค่ะ
จะมีการเปลี่ยนจุดที่ฉีดหลายที่ในส่วนของหน้าแก้มค่ะ
เวลาฉีดฟิลเลอร์นี้คุณหมอจะแทงเข็มลงไปลึกเลยค่ะ มีโมเม้นรู้สึกว่ามันชนกับกระดูกหน้าเรา

ถ้าจะถามว่าเจ็บมั้ย มันชาแล้วก็จริงนะคะแต่มันเป็นความรู้สึกบอกไม่ถูก เจ็บแบบแปลกๆ 
คุณหมอต้องมีการกดด้วย แล้วก็ฉีดไปด้วยค่ะ
ความรู้สึกเหมือนมีอะไรหน่วงๆอยู่ในหน้าค่ะ ซึ่งมันก็มีอะไรอยู่ในหน้าจริงๆน่ะแหละ5555





ผลลัพธ์

Filler ฉีดเสร็จปุ๊บ เห็นผลปั๊บค่ะ หน้าแก้มแพรวดูอิ่มขึ้นมาเลยดูแบบ มีน้ำมีนวลมากกขึ้น(ไม่ใช่อ้วนนะ)
หน้าดูเต็มขึ้น ดูสดใสขึ้นค่ะ ชอบนะเพราะมันไม่ได้เปลี่ยนหน้าเรามาก 
แบบว่า "ดูสวยสดใสขึ้นนะแต่ฉันบอกไม่ได้แน่ชัดว่าเธอไปทำอะไรมา" 55555
ใต้ผิวพอเอามือจับไปมันจะรู้สึกว่าผิวมันนูนขึ้นมาจากเดิมค่ะ
เหมือนข้างในมีก้อนๆแต่ไม่ได้แข็งมาก(ซึ่งก็คือฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเพื่อเพิ่มความนูนนั่นเองค่ะ)



ดูเลยค่ะ หน้าแก้มอิ่มขึ้นมาเลย





ถ่ายกับคุณหมอขวัญชนกที่ฉีดฟิลเลอร์ให้แพรวค่ะค่ะ คุณหมอเก่งมากๆ
แพรวบอกได้เลยว่าการฉีด filler ต้องใช้ความชำนาญสูงมากจากการเป็นหน้าให้คุณหมอฉีด


ต้องขอขอบคุณคุณหมอกับพรเกษมคลินิกมา ณ ที่นี้อีกทีด้วยนะคะ


การดูแลหลังการฉีด filler

แน่นอนว่าพอฉีดแล้วมันก็ไม่เหมือนเดิม ก็จะต้องมีการดูแลรักษาเพิ่มขึ้นมานะคะ
ช่วงนี้แพรวก็ห้ามนวดหน้าเด็ดขาดเลยค่ะ จนกว่า filler จะเข้าที่ ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
คุณหมอบอกว่า filler สามารถอยู่ได้ถึง 2 ปีขึ้นอยู่กับการดูแล
ช่วงนี้ก็ต้องมีการงดการโดนความร้อน เช่น ซาวน่า สตีม เอาหน้าไปโดนอะไรร้อนๆ
ห้ามดื่มแอลกอฮอล์
เวลาทาครีม ล้างหน้าเช็ดหน้าก็ให้ลูบขึ้นค่ะ อย่าลูบลง
ช่วงนี้แพรวก็เบามือกับหน้ามากกกกกกกกกกก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กลัวฟิลเลอร์เคลื่อนค่ะ555
ก็ออกกำลังกายอะไรได้ปกติใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลยค่ะ


ข้อดี
เห็นผลลัพธ์เลยทันที ฉีดปุ๊บสวยเลย
ไม่ต้องมีการรอรักษาแผลหรืออะไร ฉีดแล้วแต่งหน้าต่อได้เลยค่ะ 
ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลยค่ะ
ไม่มีแผล ไม่เจ็บ(มากนัก) ไม่ต้องมารักษาแผลหลังทำ


ข้อเสีย
สำหรับคนกลัวเข็มอาจจะดูโหดร้าย แต่ถ้าอยากทำก็หลับตาเอานะคะ อย่าไปดูค่ะ555
ระยะกว่าฟิลเลอร์จะหมดไปขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน บางคนอาจจะต้องมาเติมบ่อยกว่าคนอื่น
ต้องระวังในการจับหน้าไปถูหน้าแรงๆ จริงๆก็เป็นข้อดีนะคะหน้าจะได้ไม่ช้ำหรือเหี่ยวเร็ว


ความคิดเห็น
การจะเอาอะไรเข้าไปในร่างกายนี้มันมีความเสี่ยงนะคะ คือ มันมีโอกาสที่ทำแล้วจะสวย 
แต่! ก็มีโอกาสที่จะทำแล้วไม่สวยเหมือนกัน 
เพราะฉะนั้น การแน่ใจว่าของที่ฉีดเข้าร่างกายของเรามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
เป็นของแท้หรืออะไรต่างๆก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องดูให้ดี 
ส่วนเรื่องของฝีมือของผู้ที่จะมาฉีดให้เรา ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากๆนะคะ 
เพราะว่า มันไม่ใช่ใครก็ทำได้  มันเหมือนงานศิลป์น่ะแหละ
ที่จะต้องอาศัยตาและมือแล้วผู้ที่มีทักษะและประสบกาณณ์ที่มากพอ 
ถึงจะออกมาสวยค่ะ ไม่ใช่ทำสุ่มๆเอาแล้วออกมาสวย อันนี้แพรวมั่นใจเลยว่าเป็นไปไม่ได้

เพราะงั้น ถ้าเพื่อนๆสนใจอยากฉีด filler ปรับรูปหน้าเหมือนแพรว ขอให้ดูให้ดีก่อนนะคะ
เพราะมันเป็นของเหลว พอฉีดเข้าไปในหน้าแล้ว มันฉีดแล้วฉีดเลย จะมา undo ดูดออก ไม่ได้แล้วนะคะ
ยังไงก็ตรวจดูรายละเอียดพวกนี้ก่อนทำด้วยความรอบคอบนะคะ


อัพเดตหลังฉีด Filler ได้สองสัปดาห์

หลังจากที่ดูแลรักษาผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาอย่างดีเป็นเวลาราวสองสัปดาห์
โดยระมัดระวังเวลาจะเช็ดหน้า ทาครีม แพรวจะถูอย่างเบาและถูขึ้นนะคะ เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนนะคะ
แพรวพบกว่าบริเวณที่เรารู้สึกว่าเป็นก้อนๆว่ามีอะไรอยู่ใต้ผิวนั้นค่อยๆหายไปทีละนิดๆ
จนตอนนี้แทบไม่รู้สึกแล้วค่ะ แต่ว่าน่าสนใจตรงที่ความนูนยังคงอยู่
ตอนนี้ก็ไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรมาค้ำหรือเป็นก้อนแล้วค่ะ  
แต่แพรวก็ยังคงเช็ดหน้าถูหน้าอย่างเบามืออยู่ดีเพื่อความมั่นใจ555
ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ


เอารูปมาให้ดูด้วย มีหน้าแก้มแล้วหน้ามันดูอิ่ม ดูสดใสขึ้นจริงๆนะคะ ชอบบบบ<3


อัพเดตหลังฉีด Filler ได้สามเดือนครึ่ง

เวลาผ่านไปเร็วจริงๆค่ะ มาอัพเดตกันอย่างต่อเนื่องนะคะ
ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่าชินแล้วค่ะกับระดับความนูนของแก้ม 
ไม่มีความเป็นก้อนเหลือแล้ว หน้าอิ่ม ยิ้มแล้วสดใส 
มันไม่รู้สึกแบบลืมไปเลยค่ะว่าไปฉีด Filler มา นึกว่าสวยแบบนี้อยู่แล้ว55555


ลองดูที่หน้าแก้มดีๆค่ะ จะเห็นความอิ่มเอิบ เลิฟฟฟฟฟ



ก่อน-หลัง




ดูความแตกต่างตรงหน้าแก้มค่ะ หน้าอิ่มขึ้นมาจาก before นะคะ ดูฝดใฝขึ้นมั้ยคะตัวเธอ :D



--------------------------------------------------





ส่วนรูปจอที่แพรวลง มันคือแบบนี้ค่ะ
ทางคลินิกได้ถ่ายทำการฉีดฟิลเลอร์ของแพรวด้วย 
ก็จะมีคลิปแนะนำตัวแล้วก็คุยกับคุณหมอด้วยค่ะ
ยังไงรอดูกันนะคะ แพรวตื่นเต้นมากกกก
ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ 5555




ใครมีคำถามอะไรถามได้นะคะ
พูดคุยกันได้ค่ะ

ไปละค่ะ
บ๊ายบาย





Share:

Monday, May 30, 2016

Swatch & Review: Lancôme AUDA[CITY] IN PARIS 16 Shadow & Liner Palette




สวัสดีค่ะทุกคน
ช่วงนี้เราจะเห็นหลายๆแบรนด์ออก eyeshadow palette ออกมาเยอะแยะ 
ทั้งในโทนสีธรรมชาติบ้าง สีจัดบ้าง แล้วแต่แบรนด์ แล้วแต่รุ่นนะคะ
วันนี้แพรวมี 


Lancôme AUDA[CITY] IN PARIS Eyeshadow Palette
(ราคา 2,950 บาท) 



ที่เป็น eyeshadow 16 สี ที่ทางแบรนด์ออกมาใหม่ เป็น Limited Edition มา Swatch สีให้ดูกันค่ะ


AUDA[CITY] IN PARIS ตัวนี้เป็น palette ที่บรรจุความเป็น Parisinne ไว้เต็มเปี่ยม สามารถแต่งได้ทุกลุคทุกแบบตั้งแต่เช้าจรดเย็น เค้ามี concept ว่า 

"16 Shadows - Infinite Look - Effortless Style”

สาวๆปารีเซียนเค้าก็ขึ้นชื่อกันอยู่แล้วเรื่องความสวยแบบดูไม่พยายามมาก 
จะสวยหวาน สวยเท่ห์ก็มักจะมาพร้อมกันความคูลเสมอค่ะ



(ขอบอกไว้ก่อนว่าผลิตภัณฑ์นี้แพรวได้มาจากทางแบรนด์นะคะ ไม่ได้ซื้อเองค่ะ)

พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ!

ตลับ



เริ่มจากด้านนอกของ palette มีความฟรุ้งฟริ้ง ทาง Lancôme มีการใส่ลายมาที่ตลับด้วย
silhouette น่ารัก  มีความเป็นผู้หญิง ยก Landmark ของปารีสมาทั้งเมืองเลยค่ะ
ส่วนสติกเกอร์ที่ติดกระจกไว้ด้านในก็เป็นลายเดียวกัน

ต่อมาเป็นสีด้านใน



ทั้งหมดมี 16 สีค่ะ ก็ไล่จากออกไปเข้ม
สีมีค่อนข้างครอบคลุม อมส้ม อมชมพู อมม่วง
เนื้อแมตต์ ชิมเมอร์ ซาตินมาครบค่ะ
แล้วก็มีสีโทนดำ-น้ำตาลที่เป็นสีที่จะมีอยู่แล้วในแทบทุก palette อยู่ด้วยค่ะ




มีแปรงแถมมาด้วยเป็นแบบสองหัว แปรงเค้าก็ไม่ใช้แปรงก๊องแก๊งนะคะ
ตัวด้านที่เป็นหัวฟูเอาไว้เปบลด์สีให้ฟุ้งได้ดีมากๆเลยค่ะ  
เวลาใช้เกลี่ยสีคัดเบ้าตานี่คือดีมาก ไม่เหมือนแปรงแถมเลยค่ะ


มา Swatch ให้ดูกัน

คราวนี้การ Swatch ของแพรวพิเศษกว่าทุกครั้ง
เพราะว่าแพรวขอแรงเพื่อนอีกสองคนที่มี undertone และสีผิวที่แตกต่างกัน
มาเป็นผิวให้แพรวปาดลงไปค่ะ
เพื่อนๆจะได้เห็นความแตกต่างของสี eyeshadow ใน palette บนผิวที่โทนสีแตกต่างกันนะคะ

ผิวอมชมพู
เพื่อนแพรวคนนี้เป็นอาหมวยผิวขาวอมชมพูค่ะ
แต่จะตากแดดคล้ำไปบ้าง ไม่โอโม่นะคะ



ผิวอมเหลือง
ผิวแพรวเองค่ะ55



ผิวเข้ม



เทียบให้ดูทั้งสามแขน
ให้เห็นชัดๆกันไปเลย




จะเห็นได้ว่าสีบางสีมันขึ้นกะผิวบางผิวมากกว่าสีอื่นๆนะคะ

ข้อดี
1. eyeshadow ของ Lancôme มีเม็ดสีที่แน่นมากๆค่ะ
ไม่ต้องใช้ eyeshadow primer ทาก่อนก็เอาอยู่
2. สีใน palette สามารถเอามา mix and match กันได้แบบทุกสี 
ลองสลับจับคู่กันได้แบบไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เข้า
3. สีใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ fancy ไป ไม่น่าเบื่อไปค่ะ

ข้อเสีย
1. ตลับค่อนข้างใหญ่ จะพกไปเติมระหว่างวันต้องคิดหนักนิดนึงค่ะ
คือตอนเช้าต้องจัดอัดไปทีเดียวให้เอาให้อยู่ไปเลย
2. แปรงที่ให้มามันเป็นหัวสองด้าน เก็บใส่แก้วใส่แปรงไม่ได้ เดี๋ยวหัวแปรงเสีย
ต้องเก็บใส่ตลับเค้าไว้ตลอดเลย น่าเสียดาย แปรงดี น่าจะได้หยิบมาใช้ได้ง่ายๆค่ะ

ความคิดเห็น
แพรวว่าเป็นอีกหนึ่ง  eyeshadow palette ที่ดี สำหรับคนที่อยากจะมี eyeshadow ยืนพื้นไว้ใช้ตลอด
เพราะว่าสีไม่น่าเบื่อแล้วก็ไม่ได้ใช้ยากจนเกินไปค่ะ 
เหมาะที่จะให้เป็นของขวัญเหมือนกันนะคะ แบบว่าชิ้นเดียว ผู้รับยิ้มออกแน่ๆค่ะ555
ใครจะว่าแพง มาคิดๆดูแล้ว ราคา 2,950÷16 มันตกสีละ ไม่ถึง 184.375 บาท
ได้อายแชโดว์ลังโคม สีละ 185 บาท แพรวว่าคุ้มมาก เกินคุ้ม5555


 หวังว่า swatch นี้จะช่วยเพื่อนๆที่เล็งๆ palette นี้ไว้อยู่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ

ไว้พบกันใหม่ค่ะ

บ๊ายบาย





Share:

Sunday, May 29, 2016

How to: Formal Event Look แต่งหน้าสำหรับออกงาน สวยตามกาลเทศะ


สวัสดีค่ะทุกคน
วันนี้แพรวมี makeup tutorial มาแบ่งปันอีกแล้วค่ะ
ลุคที่แพรวทำคราวนี้ก็จะเป็นการแต่งหน้าเพื่อออกงานที่อาจจะต้องเป็นทางการหน่อยค่ะ
งานแบบนี้เราก็จะต้องแต่งตัวค่อนข้างดูดีกว่าปกตินิดนึง
โดยของแพรวอันนี้เป็นไปงานแต่งงานเช้าในฐานะแขกค่ะ

Keywords ของการแต่งหน้าครั้งนี้ก็คือ
1. ดูสุภาพ (การใช้สีจะไม่ฉูดฉาด ไม่ดูเซ็กซี่ไปด้วย)
2. ดูเรียบหรู ดูดี
3. ถูกกับกาลเทศะ




พร้อมแล้ว ไปดูกันเลยค่ะ


วิดีโอ


(อย่าลืมดูแบบ HD นะก๊ะ)


ก่อน-หลัง




ครื่องสำอางที่ใช้

Lancôme UV Expert Fresh UV AQUA Gel 
Laura Mercier Foundation Primer Hydrating
Laura Mercier Candleglow Soft Luminous Foundation - Dusk
Bobbi Brown Corrector - Light Peach
Clé de Peau Beauté Concealer - Ocher
Clinique Chubby Stick Sculpting Contour - 01 Curving Contour
Lancôme Cushion Blush Subtil - 031 Splash Orange
Laura Mercier Loose Setting Powder - Translucent

Urban Decay Eye Primer Potion - Original

Laura Mercier Caviar Stick Eye Color - Sugar Frost
Laura Mercier Caviar Stick Eye Color - Amethyst
Laura Mercier Extreme Neutrals Eyeshadow Palette
Kate Black Feather Lash Mascara
Laura Mercier Velour Lovers Lipcolour - Embrace
Urban Decay All Nighter Makeup Setting Spray


มาเริ่มกันเลยค่ะ

 1. เริ่มจากทาครีมกันแดดก่อนเลยเพราะเป็นงานกลางวัน ถ้าต้องทาขั้นตอนต่อไปอีกหลายชั่นแพรวแนะนำให้เลือกเนื้อเบาๆค่ะ แพรวใช้ Lancôme UV Expert Fresh UV AQUA Gel  ทาให้ทั่วหน้าเป็นขั้นตอนแรก

 2. ตามด้วยเบสเมกอัพ Laura Mercier Foundation Primer Hydrating เพิ่มความติดทน 

 3.  ทารองพื้น Laura Mercier Candleglow Soft Luminous Foundation สี Dusk โดยวิธี Cushioning คือค่อยๆเอาฟองน้ำแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งกดรองพื้นให้แนบลงไปกับผิวหน้า เพื่อให้ได้ result ผิวเงาสวยเหมือนทา cushion 

4.  ปิดรอยคล้ำใต้ตาด้วย Bobbi Brown Corrector สี Light Peach

 5. ปิดรอยสิวและสีผิวไม่สม่ำเสมอด้วย Clé de Peau Beauté Concealer สี Ocher

 6. ลง highlight ด้วย Laura Mercier Caviar Stick Eye Color สี Sugar Frost ทาที่หลังมือแล้วเอานิ้วไล้ลงไปบริเวณ สันจมูก เหนือหว่างคิ้ว โหนกแก้ม เหนือริมฝีปาก

 7. สร้างเงาให้ใบหน้าด้วย Clinique Chubby Stick Sculpting Contour สี 01 Curving Contour โดยลงที่บริเวณ ข้างขมับ ข้างจมูก และใต้คาง

8. ปัดแก้มด้วย  Lancôme Cushion Blush Subtil - 031 Splash Orange ใช้ฟองน้ำแตะแล้วเกลี่ยให้สม่ำเสมอ
 9. ทาแป้ง Laura Mercier Loose Setting Powder สี Translucent ให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้แปรงเล็กปัดเน้นเฉพาะช่วงกลางหน้า 

 10. ทา Urban Decay Eye Primer Potion สี Original ให้ทั่วเปลือกตา

 11. ทา Laura Mercier Caviar Stick Eye Color สี Sugar Frost บนเปลือกตาบริเวณเหัวตาถึงกึ่งกลางตา แล้วทา Laura Mercier Caviar Stick Eye Color สี Amethyst จากกึ่งกลางตาถึงปลายตา

 12. ใช้สี Cocoa Rose จาก Laura Mercier Extreme Neutrals Eyeshadow Palette ทาไปทั่วรอยพับเปลือกตา

 13. ใช้สี Rock ทาลงไปบริเวณหางตาแล้วเกลี่ยให้สีเสมอกัน

 14. แตะสี Hot Chocolate ทาลงไปที่บริเวณเบ้าตาแล้วเกลี่ย

 15. ทา สี Dust ลงไปที่โหนกคิ้ว

 16. ใช้นิ้วแตะสี Candy Mauve แตะลงไปบริเวณกึ่งกลางเปลือกตา

 17. ใช้แปรงหัวดินสอทาสี Dust ลงไปที่บริเวณหัวตา

 18. ไล้สี Rock ลงบริเวณขอบตาด้านล่างจากหางตาถึงกึ่งกลางตา

 19. ใช้แปรงหัวตัดไล้สี Chocolate Espresso ไปตามขอบตาด้านบนแทน eyeliner

 20. ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า

 21. เขียนคิ้วด้วยสี Earth ทาไปบริวเณหัวคิ้ว และทาสี Chocolate Espresso บริเวณ กึ่งกลางถึงปลายคิ้ว

 22. ใช้นิ้วทาลิป Laura Mercier Velour Lovers Lipcolour สี Embrace ที่ริมฝีปาก

23.  ฉีด Urban Decay All Nighter Makeup Setting Spray เป็นขั้นตอนสุดท้าย


แล้วก็เสร็จค่ะ





แล้วพบกันใหม่คราวหน้า

สวัสดีค่ะ








Share:
Blog Design Created by pipdig